นายวงวัฒน์ ลิ่วลักษณ์ ผู้อำนวยการ กองควบคุมโรคติดต่อ
สำนักอนามัยกรุงเทพมหานคร (กทม.) แจ้งว่า ขณะนี้เข้าสู่ฤดูฝน
และสภาพอากาศมีการเปลี่ยนแปลง ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพและเกิดโรคภัยต่างๆ ได้
อีกทั้งโรคต่างๆ
ยังสามารถแพร่ระบาดสู่บุคคลที่มีสภาพร่างกายอ่อนแอได้ง่ายหากไม่มีการป้องกันที่ถูกต้อง
เช่น โรคผิวหนัง โรคตาแดง ไข้หวัดใหญ่ โรคปอดบวม โรคอุจจาระร่วง โรคอาหารเป็นพิษ โรคเลปโตสไปโรสิส
(โรคฉี่หนู) โรคติดต่อทางลมหายใจ โรคที่เกิดจากแมลงพาหะ แมลงมีพิษกัดต่อย
ตลอดจนอุบัติเหตุต่างๆ เช่น จมน้ำ และไฟฟ้าดูด เป็นต้น
โดยเฉพาะโรคตาแดง
ที่ขณะนี้ประชาชนสามารถเป็นได้ง่าย และแพร่เชื้อติดต่อกันได้เร็ว โดยเฉพาะในกลุ่มเด็กซึ่งหากผู้ป่วยปฏิบัติตัวไม่ถูกต้อง
มีการใช้เสื้อผ้า หรือสิ่งของร่วมกันกับผู้อื่น ซึ่งถึงแม้โรคตาแดงจะไม่ได้เป็นโรคที่มีอันตรายรุนแรง
แต่ถ้าไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้องก็อาจะติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อนทำให้ตาพิการ
หากไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้องอาจอันตรายถึงขั้นตาบอดได้ในที่สุด
ทั้งนี้สถานการณ์โรคตาแดงในกรุงเทพฯ
ตั้งแต่ 1 ม.ค.-31 ก.ค. 57 พบผู้ป่วยสะสม จำนวน 1,067 ราย คิดเป็นอัตราป่วยสะสมร้อยละ
18.81 ราย ต่อประชากรแสนคน พบผู้ป่วยในช่วงอายุ 0-4 ขวบ มากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 83.46 รองลงมาอายุ 5-9
ขวบ ร้อยละ 30.16 และอายุ 10-14 ปี คิดเป็นร้อยละ 23.73 เขตที่มีผู้ป่วยมากที่สุดคือเขตบางแค
และภาษีเจริญ และพบว่าในช่วงเวลาเดียวกันนี้ ปี 57 มียอดผู้ป่วยสูงกว่าปีที่แล้วคิดเป็นร้อยละ
1.05 แต่ยังไม่พบผู้เสียชีวิต โดยพบว่าพื้นที่เสี่ยงมากที่สุดมีอยู่
4 จุด เนื่องจากเป็นสถานที่ที่ประชาชนอยู่รวมกันมาก ๆ ได้แก่
โรงเรียน เรือนจำ ค่ายทหารและชุมชนแออัด
หรือพื้นที่ที่ประชาชนอยู่มาก ซึ่ง กทม.จะเข้าไปให้ความรู้และแนะนำวิธีป้องกัน
สำหรับป้องกันคือ
1. ไม่คลุกคลีใกล้ชิดหรือใช้ของร่วมกับผู้ป่วย
2. หมั่นล้างมือด้วยน้ำสบู่ให้สะอาดอยู่เสมอ
ไม่ใช้มือขยี้ตา
3. มีฝุ่นละอองหรือผงเข้าตา
ควรล้างให้สะอาดด้วยน้ำยาล้างตาหรือน้ำสะอาด ไม่ควรใช้มือขยี้ตา
4. หมั่นทำความสะอาดผ้าเช็ด หน้า ผ้าเช็ดตัวให้สะอาดอยู่เสมอ
5. ในช่วงที่มีการระบาดควรระมัดระวังในการใช้ของสาธารณะและหากมีอาการควรรีบไป
พบแพทย์
ที่มา : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น